top of page

เทรนด์ SEO ใหม่ ๆ และกลยุทธ์ในปี 2025

  • Writer: วีรยุทธ ชาญสุไชย
    วีรยุทธ ชาญสุไชย
  • May 12
  • 3 min read

Updated: Jul 28



ในยุคที่ AI (Artificial Intelligence) พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา การเปลี่ยนแปลงในแวดวง SEO (Search Engine Optimization) โดยเฉพาะ SEO ปี 2025 ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะเดิมที SEO จะมีการอัปเดตต่อเนื่อง แต่จะไม่เป็นไปแบบรวดเร็วเท่านี้ ซึ่ง AI เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เปลี่ยนแปลงวิธี Search หาข้อมูลไปอย่างสิ้นเชิง


ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้เอง ทำให้มีแนวคิดประมาณว่า "SEO กำลังจะตาย" มากขึ้น เพราะเทรนด์การค้นหาข้อมูลของผู้คนเปลี่ยนไป บ้างก็หันไปใช้แอปพลิเคชันอย่าง TikTok เพื่อค้นหาคำตอบแบบสั้น ๆ และผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งก็นิยมสอบถามข้อมูลจาก AI แทน Search Engine ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้า AI ตอบคำถามที่ต้องได้และทำได้ดีด้วย การทำ SEO ปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป ยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า?  


ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในวงการดิจิทัลและผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกจะพบว่า AI ยังมีข้อจำกัดในการให้ข้อมูลที่แม่นยำและครบถ้วนในหลายบริบท เช่น หากค้นหาว่า "ระยะเวลาฟื้นตัวจากการผ่าตัดไซนัส" และหาข้อมูลในเว็บทางการแพทย์อื่น ๆ ก็จะพบว่าคำตอบไม่ได้ตายตัว แต่อาจอยู่ที่ 1 - 3 สัปดาห์ ทำให้การค้นหาข้อมูลหรือสิ่งต่าง ๆ บน Search Engine แบบดั้งเดิมยังคงมีความสำคัญ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม SEO จึงยังจำเป็นอยู่เสมอ



การทำ SEO ปี 2025 ยังจำเป็นอยู่ไหม ในยุค AI


แม้ AI จะช่วย User ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น แต่การทำ SEO ยังจำเป็นอยู่เสมอ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้


  • การค้นหาบน Search Engines ยังเป็นเครื่องมือหลักอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะมี Search Engine แพลตฟอร์มใหม่ ๆ หรือรูปแบบการแสดงผลการค้นหาจะเปลี่ยนไป แต่ search engine แบบ Google ก็ยังคงครองตลาดชนิดทิ้งคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ขาดลอย และยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการค้นหาข้อมูล สินค้า และบริการออนไลน์ นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมถามคำถามบน Search Engine เสมอ การทำ SEO จึงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่   


  • AI ก็เป็นตัวเพิ่มโอกาสหรือความท้าทายใหม่ ๆ ในการ Optimize เว็บไซต์ AI ไม่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการทำงานของ Search Engine แต่ช่วยเพิ่มแนวทางใหม่ ๆ ในการแสดงผลจากการค้นหา การ Optimize เว็บไซต์เพื่อให้ AI รูปแบบต่าง ๆ มารับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปใช้ (บางครั้งเราอาจเรียกว่า AIO = AI Overview หรือ AEO = Answer Engine Optimization) ก็ถือเป็นรูปแบบใหม่ ๆ อย่างของการทำ SEO ปี 2025 เช่นกัน โดยการ Optimize เว็บไซต์ให้อ่านแล้วย่อยง่าย น่าเชื่อถือตอบโจทย์วิธีการทำงานหรือ AI โมเดลต่าง ๆ


  • หัวใจหลักในการทำ SEO จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีก


    แม้กลยุทธ์เดิม ๆ อย่างการอัด Keyword ลงในหน้าเว็บจะล้าสมัยไปแล้ว แต่หัวใจหลักที่เป็นพื้นฐานการทำ SEO ยังคงอยู่ เช่น การเข้าใจ user intent การทำ content ที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงกับผู้อ่าน การทำเว็บให้มี UX ที่ดี รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บ หัวใจหลักเหล่านี้จะยิ่งมีความสำคัญในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพราะระบบการทำงานของ AI ได้รับการออกแบบมาให้เข้าใจ Content และความพึงพอใจ/ความต้องการของ User ได้ดียิ่งกว่าเคย ซึ่งเว็บไซต์ที่มีคุณภาพตามหลักการ SEO จะได้ประโยชน์จากจุดนี้เพิ่มขึ้น



  • การทำ SEO ให้ได้มากกว่าแค่การคลิก ในช่วงหลัง ๆ โดยเฉพาะปี 2024 และ 2025 มานี้ การ Search หาข้อมูลแบบไม่ต้องคลิก (zero-click search) จะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะ AI ของระบบ Search Engine มีการรวบรวมข้อมูลมาให้ User โดยตรงผ่านฟีเจอร์เหล่านี้ เช่น AI Overview, Featured Snippets, และ Knowledge Panels การทำ SEO ปี 2025 ให้เข้ามาตรฐาน Zero-click search อาจไม่ช่วยเพิ่มยอดคลิกเข้าชมเว็บไซต์ แต่ชื่อและความน่าเชื่อถือของแบรนด์จะโดดเด่นเป็นอย่างมาก เพราะการที่แบรนด์ได้รับเลือกโดย Search Engine จะได้ความน่าเชื่อถือสูง

  • การ Technical SEO และ User Experience เป็นพื้นฐานสำคัญ การทำ SEO ปี 2025 ยังคงต้องการคุณภาพของเว็บไซต์ และประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดี (User Experience) ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะ Technical SEO คือปัจจัยการติดอันดับที่สำคัญมากของ Search Engine โดยเฉพาะในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI-powered เพราะไม่เพียงแต่การปรับเว็บไซต์ให้ทำงานรวดเร็ว เป็นมิตรต่ออุปกรณ์พกพา ปลอดภัย และค้นหาสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ดีต่อผู้ใช้งาน แต่ยังมีผลอย่างมากต่อการให้ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลและบันทึกเว็บไซต์ลงในฐานข้อมูล (Crawlability & Indexability) ซึ่ง AI เองก็ต้องพึ่งพิงระบบนี้ รวมถึง Markup ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ AI ได้ข้อมูลเนื้อหาบนเว็บมากขึ้น


  • เพิ่มความหลากหลายในการหาข้อมูล   เพราะ Google ยังครองตลาดอยู่ และการทำ SEO ปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป ก็จะต้องพัฒนาต่อไปโดยตอบรับ Intent ที่แตกต่างกันในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น YouTube, TikTok, Pinterest และ AI กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ Search Engine Optimization ในปีต่อ ๆ ไปจะมีความเป็น Search Everywhere Optimization มากขึ้น เพราะ User ก็มีการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม



สื่อถึงการทำ SEO ปี 2025 จะต้องมีเชิง Technical และใช้ข้อมูลมากขึ้น


การทำ SEO ปี 2025 รับการค้นหาที่เปลี่ยนไป


เมื่อการค้นหาแบบ Zero-Click (หาข้อมูลโดยไม่ต้องกดคลิกเข้าเว็บไซต์) เพิ่มมากขึ้น เพราะการมาของฟีเจอร์ Rich Results และ AI Overviews กลยุทธ์การทำ SEO ปี2025 เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีดังนี้


  • กลยุทธ์ SEO ปี 2025เพิ่มโอกาสการแสดงผลใน AI Overviews และ SERP Features


    • ปรับเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีรูปประโยคที่ตอบคำถามต่าง ๆ โดยตรง

    • ย่อเนื้อหาให้มีความกระชับและน่าเชื่อถือ

    • มอบสิ่งที่ผู้ใช้กำลังมองหา (Users Intent)

    1. การปรับปรุงโครงสร้างและเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ AI (AEO)

ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้า ทำให้การค้นหาแบบ Zero-Click (คือการค้นหาข้อมูลโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์) เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากฟีเจอร์ต่าง ๆ บน Search Engine เช่น AI Overview, Featured Snippets, หรือ Knowledge Panel แต่นั่นไม่ได้แปลว่าการทำ SEO ไม่สำคัญ เพราะในทางกลับกันตำแหน่งต่าง ๆ บนฟีเจอร์ที่กล่าวมาถือเป็นโอกาสและความท้าทายอย่างหนึ่ง หากเราปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เอื้อต่อการที่ระบบจะนำไปใช้


  • การจัดลำดับหัวข้อ (Headings) ให้ชัดเจน

  • การเขียนในแนวให้คำตอบแบบกระชับตรงไปตรงมาหรือเป็นข้อ ๆ (Lists) ตาราง (Tables) ซึ่งระบบ AI ของ Search Engine มักจะนำไปใช้ตรงบริเวณ Featured Snippet

  • การใส่ Schema Markup หรือ Structured Data ที่ถูกต้องและมีข้อมูลครบถ้วน จะยิ่งเพิ่มข้อมูลให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาและประเภทของหน้าเว็บของคุณได้ละเอียดขึ้น เพิ่มโอกาสติด Rich Results ต่างๆ


แม้จะมีข้อเสียบ้างคือ Users ได้ข้อมูลแล้วก็มีแนวโน้มจะไม่คลิกเข้าเว็บไซต์ (เสีย Organic Traffic) แต่ชื่อแบรนด์และข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ที่ปรากฏให้ User เห็นก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างหนึ่ง


2. EEAT แก่นหลักของเนื้อหาที่ใครก็อยากอ่าน


EEAT คือเป็นหลักการสร้างเนื้อหา (Content) คุณภาพสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ Google ให้ความสำคัญเสมอมา โดยเฉพาะการทำ SEO ปี 2025 โดย


หลักการ Google EEAT ย่อมาจาก


  • Experience: เนื้อหาที่มาจากประสบการณ์ของผู้เขียนโดยตรง หรือจากรีวิวของผู้ใช้งาน/ลูกค้าของเว็บไซต์

  • Expertise: ความเชี่ยวชาญและทักษะความรู้ของผู้เขียนที่มีต่อเนื้อหาบนเว็บไซต์

  • Authoritativeness: ชื่อเสียงของเว็บไซต์ที่ได้รับจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาประเภทเดียวกัน

  • Trustworthiness: ความโปร่งใส แม่นยำ และน่าเชื่อถือของข้อมูลและตัวเว็บไซต์


เพราะ Google ต้องการส่งมอบเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน เนื้อหาที่ตรงตามหลัก EEAT ก็จะได้รับการจัดอันดับ (SERP) ที่ดีกว่า การสร้างเนื้อหาตามหลัก EEAT มีดังนี้


  1. Experience: หากเนื้อหาบนเว็บไซต์ คือประสบการณ์ตรงของผู้เขียน หรือมาจากการรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เช่น ผู้ซื้อสินค้า หรือ ลูกค้าโรงแรม Google ก็จะมองว่ารีวิวส่วนนี้เป็นเนื้อหาที่ User คนอื่น ๆ ควรได้รับ เพื่อใช้ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ

  2. Expertise: หากเว็บไซต์มีประวัติผู้เขียนเนื้อหาลงไว้ เช่น แพทย์เขียนเกี่ยวกับสุขภาพ ยา การรักษาโรค หรือ ผู้แนะนำการลงทุนเขียนเรื่องกองทุนที่น่าสนใจ เนื้อหานั้น ๆ ย่อมมีความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของข้อมูลระดับหนึ่ง

  3. Authoritativeness: เมื่อตัวเว็บไซต์มีสินค้า บริการ หรือข้อมูลดี ๆ ก็ย่อมได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาอยู่ในประเภทเดียวกัน เช่น เว็บไซต์ขายสินค้าเดินป่าได้รับ Backlink จาก Blogger สายปีนเขา กางเต๊นท์ หรือ เว็บขายอาหารสัตว์ได้รับ Backlink จาก Blogger ทาสแมวเป็นต้น

  4. Trustworthiness: เว็บไซต์ที่ดี มีคุณภาพ และน่าเชื่อถือ ย่อมสร้างความอุ่นใจและข้อมูลที่เชื่อถือได้ให้กับ User โดยมีช่องทางสำหรับติดต่อ ใช้มาตรฐาน HTTPS เข้ารหัสข้อมูลบนเบราวเซอร์ หรือมีข้อมูลจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ



3. Local SEO เมื่อ "ใกล้ฉัน" เป็น Keyword ยอดนิยม


AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านการเพิ่มความแม่นยำให้กับ Local SEO หรือ เพราะ User นิยมค้นหาธุรกิจ/บริการใกล้ตัวกันมากขึ้น


ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคนี้โดยการปรับปรุง Google Business Profile (GBP) (เดิมชื่อ Google My Business (GMB)) เพื่อสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจและผู้บริโภค


  • การมีข้อมูลต่าง ๆ และรูปภาพที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน

  • มีเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีความเชื่อมโยงกับในท้องที่หรือพื้นที่เฉพาะ (Hyperlocal Content) ก็สามารถเพิ่มโอกาส AI เข้าใจธุรกิจ เนื้อหา พร้อมนำเสนอธุรกิจของคุณเวลามีผู้ค้นหาอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้เคียง



สำหรับแนวคิดที่ว่า "SEO กำลังจะตาย" นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เกินจริงไป เพราะถึงแม้ว่า AI จะเพิ่มความสะดวกสบายให้มนุษย์ได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น เงินทุนในการพัฒนา การเข้าใจภาษารอง ๆ และยังไม่สามารถทดแทนหรือเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ได้ 100% การให้ข้อมูลของ AI หลาย ๆ ครั้งก็ยังไม่ครอบคลุมตอบทุกคำถามหรือข้อสงสัยของมนุษย์ได้ แต่ AI นั้นช่วยประหยัดเวลาและเบาแรงให้กับผู้ใช้ได้อย่างดี


AI นั้นก็เป็นเครื่องมือที่ดีของคนทำ SEO ช่วยทุ่นแรง ลดภาระงานให้กับงาน SEO ได้เป็นอย่างมาก ในการจัดการงานที่ซ้ำซ้อน และช่วยวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลได้รวดเร็ว แต่การวางกลยุทธ์เพื่อให้เนื้อหาหรือเว็บไซต์สามารถตอบสนองจับใจคนอ่าน, การเขียนที่มีความเฉพาะตัวมีความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการทำความเข้าใจพฤติกรรมคนที่ซับซ้อน ก็ยังคงเป็นงานที่มนุษย์นั้นทำได้ดีกว่า


ดังนั้น การเข้ามาของ AI ไม่ได้ทำให้การทำ SEO ตายลงในปี 2025 แต่กลับช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานให้กับคนทำ SEO หรือ SEO Specialist ในยุค AI ได้เป็นอย่างดี


ขอขอบคุณข้อมูลจาก ClearVoice, Search Engine Land และ Google Search Central Blog



2 Comments


beomgyu choi
beomgyu choi
4 days ago

With Year 7 History at UNICCM, students explore influential figures, major events, and societal changes, developing an understanding of the factors that shape history.

Like

Jean Marie Santos
Jean Marie Santos
Oct 17

UNICCM ensures that each student benefits from structured learning tailored to professional demands. Its teaching approach emphasizes clarity, relevance, and direct applicability. The online system facilitates efficient communication and assessment processes. The institution remains focused on bridging educational gaps within technical and management sectors. This focus reinforces its credibility as a trusted provider of professional training.

Like
bottom of page
# This file controls how LLMs and other generative AI models
# are permitted to use the content on seo2blue.com.

# --- General Directives ---

# Disallow all known general-purpose LLM trainers from using content for training.
# This is often done to protect proprietary content or prevent misuse.
# User-Agent: *
# Disallow: /

# --- Specific LLM/AI Bot Directives ---

# 1. Example: Allow a specific AI agent (like a citation bot) to crawl, 
# but disallow it from using the content for training.
# User-Agent: CitationBot-AI
# Allow: /
# Disallow-Model-Training: /

# 2. Example: Explicitly allow a known, benevolent AI tool 
# (e.g., a tool for accessibility or summarization) to access and use all content.
# User-Agent: GoodAI-Summarizer
# Allow: /
# Allow-Model-Training: /

# 3. Example: Disallow all LLM training *only* on the 'Contact' page, 
# to prevent private details (if they were present) from being scraped.
# User-Agent: *
# Disallow-Model-Training: /contact

# --- General Model Training Directive ---

# A broad directive to apply to all crawlers that support the 'Model-Training' standard.
# This line says: Do NOT use any content on the site for model training.
User-Agent: *
Disallow-Model-Training: /

# This directive could be used if you ONLY want to block specific directories.
# User-Agent: *
# Disallow-Model-Training: /private-research/
# Disallow-Model-Training: /beta-content/