On-Page SEO จุดเริ่มต้นของการทำ SEO
- วีรยุทธ ชาญสุไชย

- Aug 17
- 2 min read
Updated: Nov 6

ในการสร้างเว็บไซต์ หรือ ทำ Blog ไม่ว่าคนทำจะรู้หลักการทำ SEO หรือไม่ แต่การสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ก็จะมีความเกี่ยวพันกับ On-page SEO โดยอัตโนมัติ
On-Page SEO คืออะไร?
คำจำกัดความ: การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับหลักเกณฑ์ เพื่อให้ ติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา
หลักเกณฑ์: การทำให้หน้าเว็บ ตอบรับคำค้นหาและ Intent (จุดประสงค์การค้นหา) ของ User
เป้าหมาย: มุ่งเน้นที่ประโยชน์ของ User แต่ให้ผลดีกับ Search Engine ไปพร้อมกัน
องค์ประกอบหลักของการทำ On-Page SEO
1. การมี Keyword ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาอยู่ในจุดที่เหมาะสม
ความสำคัญ: ช่วยให้ Google, Search Engine อื่นๆ และผู้อ่านเข้าใจเนื้อหา
ตำแหน่งสำคัญที่ควรมี Keyword:
URL
Page Title
Description
หัวข้อ (Header, Heading) H1, H2, ฯลฯ
ย่อหน้าแรก (เกริ่นนำ หรือ Introduction)
การเขียนแบบเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงผู้อ่าน ดีกว่า Keyword Stuffing (การยัด Keyword)
2. เข้าใจ Keyword Intent (User Intent)
Keyword Intent คือคำค้นหาที่มีจุดประสงค์การค้นหาของ User อยู่ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก:
ประเภท Intent | คำอธิบาย/จุดประสงค์ | ตัวอย่างคำค้นหา |
Informational Intent | ค้นหาเพื่อหาข้อมูล/ความรู้ | "เครื่องซักผ้า ฝาบน ฝาหน้า ต่างกันยังไง" |
Commercial Intent | ค้นหาเพื่อเปรียบเทียบ/พิจารณาสินค้า | "เครื่องซักผ้าฝาหน้ายี่ห้อไหนดี" |
Transactional Intent | ค้นหาเพื่อทำการซื้อ/ขาย | "เครื่องซักผ้า Electrolux EWF1141R9SB ราคา" |
Navigational Intent | ค้นหาชื่อเว็บ/แอปโดยตรงเพื่อเข้าถึง | "Google Search Console" |
การมี Keyword ที่สอดคล้องกับสิ่งที่ User ค้นหาจะช่วยให้มีโอกาสติดอันดับสูง
3. การเขียน Title และ Description ให้น่าสนใจ (แต่ไม่คลิกเบท)
ความยาวที่พอเหมาะ: Title $\approx 60$ ตัวอักษร, Description $\approx 160$ ตัวอักษร
หลักการเขียนที่ดี:
ตอบรับคำค้นหา (ชัดเจนว่ามีคำตอบให้)
กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น แต่ ไม่เป็น Clickbait
มี Keyword หรือคำที่ใกล้เคียง
ใส่วันที่กำกับหากเป็นบทความที่ต้องปรับปรุงตามยุคสมัย (เช่น "2025")
4. สร้าง URL ให้ดีต่อ SEO (URL Slug)
หลักการ: สั้น ครบรายละเอียด และสื่อความหมาย (ดีต่อการแสดงผล Breadcrumbs)
การตั้ง URL Slug (ส่วนท้ายของ URL):
ไม่ใส่วันที่หรือปี หากไม่จำเป็น เพื่อให้ปรับปรุงเนื้อหาได้เรื่อย ๆ
เน้นความเรียบง่าย สั้น อ่านแล้วเข้าใจได้
สามารถใช้ภาษาอังกฤษที่มี Keyword เพื่อให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหา
5. การใช้ Internal Link และ External Link
Internal Link (ลิงก์ภายใน):
ทำหน้าที่เชื่อมต่อหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน
ช่วยให้ Search Engine Bot (Crawl) เข้าใจโครงสร้างและความสัมพันธ์ของเนื้อหา
หลักการ: ติดลิงก์บนข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันตามธรรมชาติ (Anchor Text) และวางผังโครงสร้างให้เหมาะสม
การไม่มี Internal Link อาจทำให้หน้าเว็บบางหน้าเกิดปัญหา Orphaned Page
External Link (ลิงก์ออกไปยังเว็บนอก):
เป็นเรื่องที่ดีในการอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นที่ น่าเชื่อถือ
6. ปรับแต่งเนื้อหาตามหลัก E-E-A-T (Google's Quality Guidelines)
ตัวย่อ | ภาษาอังกฤษ | คำอธิบาย |
E | Experience | เนื้อหาจากประสบการณ์ตรง |
E | Expertise | ทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้เขียน |
A | Authoritativeness | ชื่อเสียงที่ได้รับการอ้างอิง |
T | Trustworthiness | ความโปร่งใส ความถูกต้อง น่าเชื่อถือของข้อมูล |
7. การปรับโครงสร้างเนื้อหาให้อ่านง่าย
จัดวางหัวข้อ (H1, H2, H3) ตามลำดับที่เหมาะสม (แต่ละหน้าควรมี H1 เพียงหนึ่งเดียว)
ใช้ย่อหน้า หรือแบ่งเนื้อหาออกเป็น Bullet Points หรือใช้ตัวเลข
ใช้ ตัวหนา ในประโยคข้อความสำคัญ
มี Internal Link ในจุดที่จำเป็น
8. การปรับแต่งรูปภาพบนเว็บไซต์ (Image SEO Best Practices)
ชื่อไฟล์: ตั้งชื่อไฟล์ให้เข้าใจง่ายและสัมพันธ์กับเนื้อหา (เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เช่น cute-puppy.jpg)
ฟอร์แมตไฟล์: ใช้ไฟล์ที่ Google Support (BMP, GIF, JPEG, PNG, WebP, SVG, AVIF)
Alt Text (Alternate Text): บรรยายรูปภาพให้กระชับและตรงประเด็น (มีประโยชน์ต่อ Screen Reader สำหรับผู้มีปัญหาทางสายตา)
9. สร้าง Page Experience ที่ดี
Google ใช้ Page Experience วัดผลประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้
ปัจจัยหลัก | คำอธิบาย | วิธีปรับปรุง (ทำได้ทันที) |
Core Web Vitals (CWV) | วัด "สุขภาพ" ของเว็บด้านความเร็ว, การตอบสนอง, และความเสถียร | บีบอัดรูปภาพ, ลดการโหลด JavaScript/CSS ที่ไม่จำเป็น |
1. LCP (Largest Contentful Paint) | วัดประสิทธิภาพการโหลดเนื้อหาหลัก (<2.5 วินาที) | ใช้ไฟล์รูป Format ใหม่ (เช่น WebP) |
2. INP (Interaction to Next Paint) | วัดประสิทธิภาพการตอบสนองต่อการโต้ตอบ User (<200 มิลลิวินาที) | แบ่ง Task ของ JavaScript ที่ทำงานนานให้เป็น Task ย่อย |
3. CLS (Cumulative Layout Shift) | วัดความเสถียร (องค์ประกอบไม่เคลื่อนที่โดยไม่คาดคิด < 0.1) | กำหนดขนาดความกว้างและสูงของรูปภาพ/วิดีโอเสมอ |
Mobile-Friendliness | เว็บต้องใช้งานง่ายบนมือถือ (Responsive Design) | ออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Design |
การใช้งาน HTTPS | ต้องใช้โปรโตคอล HTTPS เพื่อความปลอดภัย | - |
ไม่มีโฆษณารบกวน | หลีกเลี่ยงโฆษณา Pop-up ที่บดบังเนื้อหาหลัก | - |
เครื่องมือวัด CWV: PageSpeed Insights, Lighthouse
10. การสร้าง Schema Markup
ความสำคัญ: ช่วยให้ Google ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้านั้น ๆ ซึ่งมีผลต่อการที่ AI จะนำข้อมูลบนเว็บไซต์ไปใช้งาน (ดูตัวอย่างการทำ Schema Markup ได้)
สรุปแก่นสำคัญของการทำ On-Page SEO
แม้จะมีรายละเอียดที่ต้องทำมาก แต่หัวใจหลักคือ การให้ความสำคัญกับผู้อ่านเป็นอันดับแรก เมื่อเว็บไซต์ของคุณ
มอบคำตอบที่ตรงประเด็น
มีเนื้อหาที่น่าเชื่อถือตามหลัก E-E-A-T
ใช้งานได้อย่างราบรื่น (Page Experience)
Search Engine และรวมถึง AI และ LLMs ต่าง ๆ ก็จะมองเห็นคุณค่าและมอบอันดับที่ดีให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ahrefs และ SearchEngineJournal



Comments